ผู้อ่านจำนวนมากเป็นผู้ใช้งานเครื่องมือค้นหา (Search Engine) ของ Google อยู่เป็นประจำ มีบางท่านอาจเคยสงสัยว่า Google มีวิธีในการจัดอันดับการแสดงผลบนหน้า Search Engine อย่างไร บทความนี้เราจะมาดูรายละเอียดกันครับ ก่อนจะอ่านบทความนี้ผมแนะนำให้อ่านบทความ จุดกำเนิดของกูเกิ้ล (The Birth of Google) ในลิงค์นี้ เพื่อการทำความเข้าใจความรู้ขั้นพื้นฐานและที่มาของ Google Search Engine ก่อนนะครับ
เจ้าของเว็บไซต์ที่ต้องการให้สินค้าหรือบริการของตนเป็นที่รู้จักของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เข้ามาค้นหาสินค้าหรือบริการ ผ่านเครื่องมือค้นหา Google Search Engine นั้น การทำอันดับในหน้าแสดงผลการค้นหา (SERp : Search Engine Result page) เมื่อมีการค้นหาตามคีย์เวิร์ดใดๆ ก็ตามที่หน้าค้นหาของ Google เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งต้องการให้มีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ของตัวเองมากขึ้น การปรับแต่งเว็บไซต์ให้เว็บของเรามีผลการค้นหาที่ดีนั้น เราเรียกว่าการทำ SEO (Search Engine Optimization) ก่อนที่จะทำ SEO ได้นั้น เรามาทำความเข้าใจ และรู้จักหลักการทำงานของ Google กันก่อน
Panda Algorithm จะคอยตรวจสอบและจัดอันดับหน้าเว็บไซต์ต่างๆ ด้วยเงื่อนไขว่าเนื้อหาในหน้าเว็บนั้นๆ เป็นเนื้อหาที่ สอดคล้องกับคำค้นหาที่พิมพ์ลงไปใน Google ข้อมูลบนเว็บไซต์ หรือที่นัก SEO มักเรียกว่า On Page SEO ซึ่งอัลกอริทึมตัวนี้จะใช้เป็นกระบวนการสำหรับการค้นหา คัดกรองบทความที่มีความเป็น Contents Farm (เนื้อหาไร้คุณภาพ ซ้ำๆกับเว็บไซต์อื่น) ออกจากดัชนี (Index) ของ Google หรือลดอันดับให้แสดงผลท้ายๆของผลการค้นหา
ซึ่งปัจจัยที่ Google นำมาพิจารณาในการจัดอันดับสำหรับเนื้อหา เช่น
Penguin สายตรวจนักปั่น Back link จอมสแปมควรระวังไว้
Penguin คืออัลกอริทึมทำหน้าที่ตรวจสอบ และคัดกรองลิงก์เชื่อมโยงมาที่เว็บไซต์นั้นๆ หรือ Back link ว่ามีการสร้าง Link ที่เป็นธรรมชาติหรือไม่ หรือมีการจงใจสร้างลิงก์เชื่อมโยงจากเว็บไซต์อื่นๆมากเกินไปเพื่อทำอันดับอย่างจงใจ จากตาราง The Periodic Table Of SEO Success Factors ข้างล่างนี้ ทำให้เห็นว่า Back link ถือว่าเป็นปัจจัยที่มีสำคัญอย่างมาก โดยให้คะแนนจาก Link คุณภาพ ที่มาจากเว็บไซต์คุณภาพ ลิงก์ที่เป็น Text link (ลิงก์ที่เป็นอักษรที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในเว็บไซต์)
Hummingbird พลิกโฉม SEO แบบใหม่ ด้วยผลงานที่รวดเร็ว ฉับไว
Google Hummingbird Algorithm คือ อัลกอริทีมเทคโนโลยีใหม่ที่มาพลิกวงการการค้นหาแบบเดิมๆกันเลยทีเดียว เพราะ Hummingbird อัลกอริทึมนั้นสามารถรวบรวมสถิติการค้นหาใหม่ในรูปแบบเสียง ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากพวกอุปกรณ์ Tablet และ Smartphone จากนั้นจะนำข้อมูลเสียงเหล่านี้แปลออกมาเป็นคำศัพท์และเก็บลงเป็นสถิติการค้นหาเพื่อนำมาใช้วิเคราะห์ สิ่งทีกำลังนิยมค้นหาอยู่ในปัจจุบัน ในเมื่อ Hummingbird สามารถทำการค้นหาข้อมูลด้วยเสียงได้และสามารถจัดทำ Index ด้วยเสียงได้เช่นกันดังนั้นการที่เจ้าของเว็บไซต์จะมีข้อมูล Contents ที่เป็นข้อมูลแบบเสียงเพิ่มเข้ามาใน Website ก็เป็นการเพิ่มโอกาสในการค้นหา SEO เข้าไปนั้นเอง
สรุป Algorithm การทำงานของ Google
ไม่ว่าจะเป็น Panda ที่คอยคัดกรองข้อมูลซ้ำๆ Onpage ทำให้ต้องเป็นข้อมูลที่มีคุณภาพมากขึ้น Panguin ที่คอยตรวจจับการสร้าง Back Link ว่ามีความถูกต้องไม่ใช่ spam link หรือจะเป็น Caffeine ที่เน้นการจัดอันดับเว็บไซต์ที่มีการอัพเดทข้อมูลบ่อยๆ และสุดท้าย Hummingbird ตัวจัดอันดับการค้นข้อมูลด้วยเสียง ซึ่งจะส่งผลดีให้กับ User ผู้ใช้ที่เข้ามาค้นหาข้อมูลสามารถเข้าถึง Website ที่มีคุณภาพ ถูกต้อง แม่นยำรวดเร็วยิ่งขึ้นนั้นเอง
ส่วนเราที่เป็นเจ้าของ Website ก็จะต้องมีการปรับตัวด้วยการหันมาใส่ใจกับคุณภาพของเนื้อหา ความต่อเนื่องในการอัพเดท มากยิ่งขึ้น เมื่อทำได้ถูกต้องครบถ้วน ทุกส่วนตามที่ได้อธิบายไว้ในตอนต้นแล้วนั้นก็แทบไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวลถึงการเปลี่ยนแปลงอัลกอริทึมของ google ที่แต่ละปีจะมีการปรับผลการค้นหาถึง 500 ครั้งแต่อย่างใด เพราะของแท้ก็ยังเป็นของแท้ครับ ไม่ต้องไปกังวลกับการเปลี่ยนการทำงานของเราเพื่อหลอก Search Engine เพราะสิ่งที่ Google พยายามทำก็คือการจำลองพฤติกรรมของมนุษย์ให้เป็นสมการคณิตศาสตร์ในการบอกว่าเว็บไซต์ไหนมีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดดีที่สุด และเว็บไหนมีคุณภาพรองลงมา
บทความหน้าจะนำความรู้ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Google เช่น Google Apps for Work หรือ YouTube หรือ Google Translate ฯลฯ มาฝากครับ